เมนู

ป. หากว่า รูปที่บังเกิด เพราะความที่บุคคลได้ทำกรรม
ส่วนกามาวจรไว้เป็นกามาวจร ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า รูปที่
เกิดขึ้นเพราะความที่บุคคลได้ทำกรรมส่วนรูปาวจรไว้ เป็นรูปาวจร
รูปที่บังเกิดเพราะความที่บุคคลได้ทำกรรมส่วนอรูปาวจรไว้เป็นอรูปาวจร.
รูปัง รูปาวจรารูปาวจรันติกถา จบ

อรรถกถารูปัง รูปาวจรารูปาวจรันติกถา



ว่าด้วย รูปเป็นรูปาวจรและอรูปาวจร



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องรูปเป็นรูปาวจร และอรูปาวจร. ในเรื่องนั้น ชน
เหล่าใด มีความเห็นผิดดุจลัทธินิกายอันธกะทั้งหลายว่า รูปใดเกิดขึ้น
เพราะทำกรรมอันส่วนกามาวจร รูปนั้นเป็นกามาวจร เหตุใด
เพราะเหตุนั้น รูปใดที่เกิดขึ้นแม้เพราะทำกรรมอันเป็นส่วนรูปาวจรและ
อรูปาวจร รูปนั้นก็พึงเป็นรูปาวจรและอรูปาวจร ดังนี้ คำถามของ
สกวาทีว่า รูปเป็นทั้งรูปาวจรและอรูปาวจรอยู่หรือ โดยหมายถึงชน
เหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. คำที่เหลือในที่นี้มีนัยตามที่กล่าว
ในหนหลังนั่นแหละ.
อรรถกถารูปัง รูปาวจรารูปาวจรันติกถา จบ

รูปราโค รูปธาตุปริยาปันโนติอาทิกถา



[1682] สกวาที ความกำหนัดในรูปนับเนื่องในรูปธาตุ หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. ความกำหนัดในรูป เป็นธรรมแสวงหาสมาบัติ เป็น
ธรรมแสวงหาอุบัติ เป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม สหรคต
เกิดร่วม ระคน สัมปยุต เกิดด้วยกัน ดับด้วยกัน มีวัตถุเป็นอันเดียวกัน
มีอารมณ์เป็นอันเดียวกัน กับจิตดวงแสวงหาสมาบัติ กับจิตดวงแสวงหา
อุบัติ กับจิตเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ความกำหนัดในรูป ไม่เป็นธรรมแสวงหาสมาบัติ
ไม่เป็นธรรมแสวงหาอุบัติ ไม่เป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม
จะเป็นธรรมสหรคต ฯลฯ มีวัตถุเป็นอันเดียวกัน มีอารมณ์เป็นอันเดียวกัน
ฯลฯ กับจิตเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม ก็หามิได้ มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า ความกำหนัดในรูป ไม่เป็นธรรมแสวงหา
สมาบัติ ไม่เป็นธรรมแสวงหาอุบัติ ไม่เป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขใน
ทิฏฐธรรม จะเป็นธรรมสหรคต ฯลฯ มีวัตถุเป็นอันเดียวกันมีอารมณ์
เป็นอันเดียวกัน ฯลฯ กับจิตเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม ก็หามิได้ ก็
ต้องไม่กล่าวว่า ความกำหนัดในรูปนับเนื่องในรูปธาตุ.
[1683] ส. ความกำหนัดในรูปนับเนื่องในรูปธาตุ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ความกำหนัดในเสียงนับเนื่องในสัททธาตุ หรือ ?